อุทธรณ์ ฎีกา

บริการเขียนอุทธรณ์ หรือ ฎีกา คำพิพากษาของศาลชั้นต้น หรือ ศาลอุทธรณ์ ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา

  1. สำนักงานกฎหมายทนายอัศวิน ก่อตั้งมากว่า 10 ปี ภายใต้การดูแลของ ทนายวิน (อัศวิน ทองขาว) ผู้มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญา ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและความมุ่งมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของลูกความ ทำให้สำนักงานของเราได้รับความไว้วางใจจากลูกความมาโดยตลอด เรามุ่งเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว แม่นยำ และใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคดีของท่าน
  2. บริการที่ให้ สำนักงานกฎหมายของเรามีบริการครอบคลุมในทุกขั้นตอนของการดำเนินคดีอุทธรณ์และฎีกา ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาเบื้องต้น การร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการต่อสู้คดี การคัดเอกสารในสำนวนคดี การร่างอุทธรณ์หรือฎีกา ไปจนถึงการติดตามและรายงานความคืบหน้าของคดีให้ลูกความทราบอย่างสม่ำเสมอ เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาและทนายความของท่านในทุกขั้นตอน เพื่อช่วยเหลือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
  3. จุดแข็งหรือความโดดเด่น ด้วยประสบการณ์ในการว่าความมากกว่า 10 ปี ทีมทนายความของเราพร้อมให้บริการด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ การจัดทำอุทธรณ์หรือฎีกาของเราใช้เวลาอย่างเหมาะสม ตามจำนวนเอกสารและพยานหลักฐานในคดี เราเข้าใจถึงความสำคัญของกรอบเวลาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา จึงมุ่งมั่นดำเนินการให้ลูกความอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เรายังคงรักษามาตรฐานของงานเขียนที่มีคุณภาพและข้อเท็จจริงที่แม่นยำอีกด้วย

สอบถามข้อมูลหรือต้องการขอคำปรึกษา

"การอุทธรณ์หรือฎีกา เป็นโอกาสที่จะพลิกผันคดีจากแพ้เป็นชนะได้ ขอเพียงมีเหตุผลหนักแน่นและดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อปรึกษาสำนักงานทนายความที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนและจัดทำอุทธรณ์ฎีกาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่าละเลยโอกาสที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะนั่นคืิอความยุติธรรมที่คุณพึงจะได้รับ"

ทนายวิน (อัศวิน ทองขาว)

สอบถามข้อมูลหรือต้องการขอคำปรึกษา

เหตุผลในการเปลี่ยนทนายความในชั้นอุทธรณ์ หรือ ฎีกา

มีหลายเหตุผลที่ลูกความอาจต้องการเปลี่ยนทนายความในชั้นอุทธรณ์ หรือ ชั้นฎีกา ได้แก่

1. ไม่พอใจผลงานหรือการให้บริการของทนายความเดิม เช่น ทนายไม่ให้ความสนใจคดี ไม่ติดต่อหรืออัพเดทความคืบหน้าให้ทราบ ไม่สามารถให้คำปรึกษาที่ดีได้

2. ต้องการทนายที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดำเนินคดีอุทธรณ์มากกว่า เนื่องจากชั้นอุทธรณ์มักจะมีประเด็นข้อกฎหมายที่ซับซ้อนกว่าชั้นต้น

3. มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องยุทธศาสตร์หรือวิธีการต่อสู้คดี ทำให้ไม่สามารถร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น

4. ทนายความเดิมไม่สะดวกหรือไม่สามารถดำเนินคดีอุทธรณ์ต่อได้ เช่น ติดภารกิจ มีปัญหาสุขภาพ หรือไม่มีเวลาเพียงพอ

5. ค่าบริการทนายมีราคาแพงเกินไป ลูกความอาจมองหาทนายที่คิดราคาถูกกว่าแต่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน

6. สัมพันธภาพระหว่างลูกความกับทนายเกิดปัญหา ขาดความไว้วางใจ หรือมีความขัดแย้งกัน ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวทนายใหม่

7. ต้องการความเห็นที่สอง (second opinion) จากทนายอีกคนในการวิเคราะห์คดีและโอกาสชนะในชั้นอุทธรณ์

8. ลูกความย้ายที่อยู่หรือถิ่นฐาน จึงอาจหาทนายใกล้บ้านคนใหม่เพื่อสะดวกในการประสานงาน

การเปลี่ยนทนายในชั้นอุทธรณ์เป็นสิทธิของลูกความ แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะอาจมีค่าใช้จ่ายหรือความล่าช้าเพิ่มขึ้น ทนายใหม่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจคดีด้วย อย่างไรก็ตาม หากเปลี่ยนทนายแล้วจะเกิดประโยชน์กับคดีมากกว่าก็ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

สิ่งที่ลูกความมักจะกังวลเมื่อต้องหาทนายความใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ได้แก่

1. ทนายใหม่จะศึกษาและเข้าใจคดีได้อย่างถ่องแท้หรือไม่ ในเวลาอันจำกัด เนื่องจากมีเอกสารและประเด็นที่ต้องศึกษาเป็นจำนวนมาก

2. หากทนายเดิมไม่ให้ความร่วมมือในการส่งมอบเอกสารและแจ้งรายละเอียดคดี อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกหรือล่าช้าในการดำเนินคดีต่อ

3. การสื่อสารระหว่างลูกความกับทนายใหม่อาจไม่ราบรื่น ไม่คุ้นเคย หรือยังสร้างความไว้วางใจไม่ได้ในระยะแรก

4. ค่าทนายสำหรับการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์/ฎีกามักสูงกว่าชั้นต้น ลูกความอาจกังวลว่าจะแบกรับค่าใช้จ่ายไหวหรือไม่

5. เกรงว่าทนายใหม่จะมีความเห็นต่างและต้องการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ต่างไปจากทนายเดิม ซึ่งลูกความอาจไม่สบายใจ

6. หากใกล้วันนัดพิจารณาคดี กังวลว่าทนายใหม่จะมีเวลาเตรียมตัวได้ไม่เพียงพอ

7. ลูกความบางคนอาจยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรเปลี่ยนทนายดีหรือไม่ จึงเกิดความกังวลกับการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่มักเกิดขึ้นเมื่อต้องเปลี่ยนทนายในช่วงกลางคดี หากได้ทนายที่ดีและสามารถสื่อสารทำความเข้าใจกันได้ดี ความกังวลเหล่านี้ก็น่าจะลดน้อยลงไป แต่ก็ควรเลือกทนายใหม่อย่างรอบคอบและมีเวลาเพียงพอในการส่งมอบคดีต่อกัน

การเขียนอุทธรณ์หรือฎีกาให้ชนะคดีนั้น มีหลักการและเทคนิคที่สำคัญดังนี้

1. ศึกษาคำพิพากษาชั้นต้นให้ถี่ถ้วน วิเคราะห์เหตุผลของศาลที่นำไปสู่ผลของคดี หาจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นเหตุในการอุทธรณ์หรือฎีกา

2. ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีข้อกฎหมาย ตำรา หรือคำพิพากษาฎีกาใดที่สามารถหักล้างเหตุผลของศาลชั้นต้นได้บ้าง ต้องค้นคว้าให้มากที่สุด เพื่อหาข้ออ้างอิงมาสนับสนุนคำอุทธรณ์/ฎีกา

3. เขียนเรียบเรียงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบ ชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย เน้นประเด็นที่จะโต้แย้ง ไม่วกวนหรือเยิ่นเย้อจนเกินไป

4. ใช้ภาษาที่เป็นทางการ สุภาพ น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำรุนแรงหรืออารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว ยึดหลักข้อกฎหมายและพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

5. อ้างอิงข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อให้ศาลเห็นว่าได้ศึกษามาอย่างดี มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

6. ชี้ให้เห็นผลกระทบหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากศาลพิพากษาตามคำพิพากษาชั้นต้น เพื่อโน้มน้าวให้ศาลเห็นความสำคัญของการพิจารณาในประเด็นดังกล่าว

7. หากต้องการนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงในชั้นอุทธรณ์/ฎีกา ต้องอธิบายเหตุผลอย่างสมเหตุสมผลว่าเหตุใดจึงไม่สามารถนำมาแสดงในชั้นต้นได้ เพื่อให้ศาลเห็นชอบให้รับฟัง

8. ตรวจทานคำอุทธรณ์/ฎีกาอย่างละเอียดก่อนยื่น ทั้งรูปแบบ เนื้อหา คำผิด ข้อมูลที่ขาดตกบกพร่อง เพื่อความสมบูรณ์ครบถ้วน

9. ยื่นอุทธรณ์/ฎีกาภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มิเช่นนั้นอาจถูกตัดสิทธิไม่ให้อุทธรณ์หรือฎีกา

10. ติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างสม่ำเสมอ หากศาลมีคำสั่งหรือข้อสงสัยใดเพิ่มเติม ต้องรีบดำเนินการโต้แย้งหรือชี้แจงโดยเร็ว เพื่อให้ทันต่อการพิจารณาของศาล

ที่สำคัญคือต้องรู้จักประเมินสถานการณ์และโอกาสที่จะชนะคดีอย่างถ่องแท้ หากคิดว่าไม่มีประเด็นที่เป็นสาระสำคัญพอจะอุทธรณ์หรือฎีกา บางครั้งการตัดสินใจไม่ต่อสู้ต่อ ยอมรับผลคำพิพากษาเสีย อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในบางกรณี

การเขียนอุทธรณ์/ฎีกาให้ชนะคดีจึงต้องอาศัยความละเอียด รอบคอบ และไหวพริบในการโต้แย้งเป็นอย่างมาก ต้องสามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างถี่ถ้วน ฉับไว และหาจุดยืนในการต่อสู้คดีให้เหนือกว่าอีกฝ่าย จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

ขั้นตอนการอุทธรณ์ ฎีกาคดีอาญา กระบวนการในคดีอาญาก็คล้ายกับคดีแพ่ง ต่างกันที่ผู้ต้องหาที่ถูกศาลสั่งลงโทษจำคุกสามารถยื่นอุทธรณ์ ฎีกา ได้ในขณะต้องโทษอยู่ โดยมีหลักการสำคัญคือ

  • ในชั้นอุทธรณ์ ศาลจะไม่ลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษามาแล้ว
  • การอุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงต้องแสดงข้อผิดพลาดให้ชัดเจนและมีพยานหลักฐานใหม่มาสนับสนุน
  • การยื่นฎีกาต้องได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาก่อน เว้นแต่ถูกจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป หรือมีประเด็นสำคัญที่ศาลควรพิจารณา

ขั้นตอนการอุทธรณ์ ฎีกาคดีแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีแพ่งแล้ว หากคู่ความฝ่ายใดไม่พอใจสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน หรือยื่นฎีกาภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ซึ่งในชั้นนี้คู่ความต้องแสดงเหตุผลสนับสนุนข้ออ้างของตน พร้อมยกสำเนารายงานกระบวนพิจารณา คำพิพากษา หรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบคำอุทธรณ์หรือฎีกาด้วย ทั้งนี้ศาลจะพิจารณาข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ส่วนข้อเท็จจริงจะรับฟังเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอำนาจศาลในการพิจารณาพิพากษาเท่านั้น

หากศาลพิพากษาจำคุกต้องทำอย่างไร

  • เมื่อศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก จำเลยที่ไม่พอใจคำพิพากษามีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลล่างพิพากษา หากถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกเช่นกัน สามารถยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาภายใน 1 เดือน หากเห็นว่ายังมีประเด็นที่ศาลฎีกาควรพิจารณา ตามหลักการใหม่จำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ระหว่างการต้องโทษจำคุก โดยศาลอุทธรณ์จะไม่เพิ่มโทษเกินกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

 หากไม่พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องทำอย่างไร

  • ยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โดยชี้แจงข้อผิดพลาดของคำพิพากษา พร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
  • หากไม่พอใจคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สามารถยื่นฎีกาภายใน 1 เดือน แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาก่อน
  • พูดคุยกับทนายอย่างเปิดเผย แลกเปลี่ยนความเห็น รับฟังเหตุผลของแต่ละฝ่ายเพื่อหาข้อสรุป
  • หากยังไม่สามารถตกลงกันได้ เราสามารถเปลี่ยนทนายที่มีแนวคิดเข้ากันได้ดีกว่าเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี

หากศาลมีคำพิพากษาแล้ว เราไม่พอใจควรทำอย่างไร

  • ต้องศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียดว่ามีจุดบกพร่องที่จะโต้แย้งได้หรือไม่
  • ปรึกษาทนายความถึงข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่จะยกขึ้นอุทธรณ์หรือฎีกา
  • หากมีเหตุผลเพียงพอ ก็สามารถยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้ศาลที่สูงกว่าทบทวนคดีอีกครั้ง
  • การอุทธรณ์หรือฎีกา เป็นโอกาสที่จะพลิกผันคดีจากแพ้เป็นชนะได้ ขอเพียงมีเหตุผลหนักแน่นและดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อปรึกษาสำนักงานทนายความที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนและจัดทำอุทธรณ์ฎีกาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่าละเลยโอกาสที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะนั่นคืิอความยุติธรรมที่คุณพึงจะได้รับ

สอบถามข้อมูลหรือต้องการขอคำปรึกษา

Visitors: 349,643